สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 11-17 ตุลาคม 2564

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,680 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,921 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.42
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,605 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,413 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.59
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 24,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,150 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,110 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.33
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 703 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,328 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 689 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,112 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.03 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 216 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,406 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 396 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,284 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.02 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 122 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,406 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,485 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.50 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 79 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.1832 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
          ญี่ปุ่น
          กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (the Ministry of Agriculture, Fisheries and Forests; MAFF) ประกาศ
เปิดประมูลนำเข้าข้าวแบบ Minimum Access (MA) tender ครั้งที่ 3 ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2564 –
31 มีนาคม 2565) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจำนวนรวม 66,200 ตัน ประกอบด้วย
          1. ข้าวสารเมล็ดกลาง (Non-glutinous medium grain milled rice) จากสหรัฐฯ จำนวน 13,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 10 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2564
          2. ข้าวสารเมล็ดกลาง (Non-glutinous medium grain milled rice) จากสหรัฐฯ จำนวน 13,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564
          3. ข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous long grain milled rice) จากประเทศไทย จำนวน 7,200 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564
          4. ข้าวสารเมล็ดกลาง (Non-glutinous medium grain milled rice) จากประเทศใดก็ได้ (Global tender) จำนวน 12,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 10 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2564
          5. ข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous long grain milled rice) จากประเทศใดก็ได้ (Global tender) จำนวน 7,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 10 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2564
          6. ข้าวสารเมล็ดยาว (Nonglutinous long grain milled rice) จากประเทศใดก็ได้ (Global tender) จำนวน 7,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 10 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2564
          7. ข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous long grain milled rice) จากประเทศใดก็ได้(Global tender) จำนวน 7,000 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564
(รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.maff.go.jp/j/seisan/boueki/nyusatu/n_announce/attach/pdf/index-396.pdf)
          การประมูลนำเข้าข้าวแบบ Minimum Access (MA) tender ครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2564 – 31 มีนาคม 2565) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจำนวนรวม 54,000 ตัน ผลการประมูลปรากฏว่า ญี่ปุ่นตกลงซื้อข้าวสารเมล็ดกลาง (Non-glutinous milled rice (medium grain)) จากสหรัฐฯ จำนวนรวม 26,000 ตัน จากที่มีผู้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอจำนวน 8 ราย โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 15 ตุลาคม–15 ธันวาคม 2564 และ
ซื้อข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous milled rice (long grain)) จากประเทศไทยจำนวน 28,000 ตัน จากที่มีผู้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอจำนวน 17 ราย โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 15 ตุลาคม–15 ธันวาคม 2564 สำหรับราคาประมูลเฉลี่ย (Average price for successful bids) อยู่ที่ 100,952 เยนต่อตัน (ราคาไม่รวมภาษี) หรือประมาณ 919 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน
หรือที่ 109,028 เยนต่อตัน (ราคารวมภาษี) หรือประมาณ 993 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน
          นอกจากนี้ กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (MAFF) ยังได้ประกาศเปิดประมูลนำเข้าข้าวแบบ Simultaneous Buy and Sell (SBS) tender ครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2564-31 มีนาคม 2565) ในวันที่
24 กันยายน 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจำนวน 25,000 ตัน ประกอบด้วยข้าวกล้อง/ข้าวสาร (brown or milled rice) จำนวน 22,500 ตัน และข้าวหัก (broken milled rice) จำนวน 2,500 ตัน
(รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.maff.go.jp/j/seisan/boueki/nyusatu/n_announce/index.html)
          เมื่อสัปดาห์ก่อนกระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (MAFF) ประกาศผลการประมูลน้าเข้าข้าวแบบ CPTPP Simultaneous Buy and Sell (SBS) tender ครั้งที่ 3 ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2564- 31 มีนาคม 2565) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจากประเทศสมาชิกกลุ่ม CPTPP จำนวน 1,040 ตัน ซึ่งปรากฏว่า
ไม่มีผู้สนใจยื่นข้อเสนอราคาในครั้งนี้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะจัดการประมูลอีกครั้งหนึ่ง
          ที่มา : Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย


 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.39 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.47 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.94 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.80 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.93 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.88
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.64 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 11.24 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.34 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.91 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 11.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.02
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 328.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,884.00 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 342.00 ดอลลาร์สหรัฐ (11,466.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.09 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 582.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนธันวาคม 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 522.00 เซนต์ (6,906.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชล 534.00 เซนต์ (7,157.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.25 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 251.00 บาท

 

 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.507 ล้านไร่ ผลผลิต 31.632 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.327 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.918 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.252 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.60 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 2.31 ตามลำดับ โดยเดือนตุลาคม 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.59 ล้านตัน (ร้อยละ 4.75 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 61.13 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.04 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.15 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 5.12
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.34 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.07 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.45
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.38 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.35 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 14.25 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.70
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,296 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,386 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 478 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,862 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (16,034 บาทต่อตัน)

 


ปาล์มน้ำมัน

 


อ้อยและน้ำตาล
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
           ไม่มีรายงาน
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          - Cepea รายงานว่า สภาพอากาศในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลในเดือนตุลาคม คาดว่าจะยังคงแห้งแล้ง  โดยมีอุณหภูมิตอนกลางวันสูง แม้ว่าฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะสิ้นสุดเร็วกว่าปกติก็ตาม ด้าน The centre กล่าวว่าการเกิด La Nina ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2564 จะทำให้สภาพอากาศแห้งในรัฐเซาเปาโลและรัฐมาตูกรอสโซดูซูล ขณะที่องค์การสมาคมผู้ผลิตอ้อยแห่งบราซิล (Orplana) คาดการณ์ว่าผลผลิตอ้อยของบราซิลอาจลดลง 11.25% ในปีหน้า หลังจากที่ลดลง 10.31% ในปีนี้  และในทำนองเดียวกันสมาพันธ์เกษตรและปศุสัตว์แห่งบราซิล (CNA) คาดการณ์ว่าจะเก็บเกี่ยวอ้อยได้ 592 ล้านตัน ในปี 2564/2565 ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
          - USDA ลดการน้าเข้าน้ำตาลของสหรัฐในปี 2564/2565 ลง 6.6% เหลือ 2.7 ล้านตัน ในรายงาน WASDE เดือนตุลาคม เนื่องจากฟิลิปปินส์จะไม่ใช้โควตา TRQ ทังนี้ USDA กล่าวว่ามีแนวโน้มที่จะจัดสรรส่วนหนึ่งของโควต้าไปยังประเทศอื่น ๆ ด้านกรมการเกษตรของฟิลิปปินส์ยืนยันเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมว่าจะไม่ส่งออกน้ำตาลไปยังสหรัฐอเมริกา
          - ตามการรายงานของ ICRA พบว่า ในปี 2564/2565 โรงงานน้ำตาลของอินเดียส่งออกน้ำตาล 4-6 ล้านตัน และคาดว่ารายรับจะเพิ่มขึ้น 5-7% จากราคาน้ำตาลและเอทานอลที่สูงขึ้น ขณะที่รัฐมหาราษฏระ รัฐบาลขอให้โรงงานช่วยเกษตรกรจัดการกับคนตัดอ้อยและผู้ขนส่งที่คิดราคาเกินจริง



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 19.88 บาท
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,209.08 เซนต์ (14.98 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,243.64 เซนต์ (15.53 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.78
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 315.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.60 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 320.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.88 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.50
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 59.90 เซนต์ (44.37 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 60.55 เซนต์ (45.36 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.07


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

 

 
ถั่วลิสง

 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
     ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนธันวาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 106.89 เซนต์ (กิโลกรัมละ 79.20 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 109.43 เซนต์ (กิโลกรัมละ 81.99 บาท) ของสัปดาห์ก่อน
ร้อยละ 2.32 (ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 2.79 บาท)



 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,755 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,710 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.62 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,518 บาท ลดลงจาก กิโลกรัมละ 1,521 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.23 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,006 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 999 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.69 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคจำนวนมาก แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  66.72 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 65.94  คิดเป็นร้อยละ 1.18 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 62.96 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 66.82 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 67.63 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 67.33 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 1,700 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 1,600 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.00 บาทสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.30 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.45 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดยังคงสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 32.02 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.12บาทคิดเป็นร้อยละ 0.31 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 30.73 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.16 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 6.50 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 289 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 314 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 301 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 282 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.15 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 354 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 374 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 366 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 328 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.95 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 95.48 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 95.35 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.13 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.25 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 96.29 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 88.13 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 106.07 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 79.83 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.99 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.07 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 78.29 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน
 

 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11 – 17 ตุลาคม 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.70 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 128.13 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 120.35 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.78 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 125.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 122.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.75 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 78.15 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.40 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 150.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 50.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 180.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 6.57 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 35.60 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท ปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.00 บาท ราคาราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 30.60 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท